วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
How to ตั้งสโมสรฟุตบอลอาชีพ1 : รูปแบบสหกรณ์
เบื้องหน้าที่สดใส ล้วนมีเบื้องหลังที่ยากลำบาก
ที่มาภาพ : http://www.chonburifc.net/webboards/view.php?qID=241
ว่าด้วยการจัดตั้งสโมสรฟุตบอลอาชีพนั้น ดูแล้วมีหลายทางเลือก ที่อาจารย์หนุ่ยเสนอมาการใช้ระบบสหกรณ์ มันทำให้ผมนึกถึงตอนเป็นสมาชิกสหการตอนสมัยประถมเลย ซื้อหุ้นเยอะเท่าไหร่ ก็ได้ปันผลเยอะเท่าันั้น แล้วมันก็จูงใจให้เราไปซื้อของที่สินค้าสหการอีกด้วย แล้วเรื่องนี้ถ้าเป็นสมาคมฟุตบอลบ้างเล่า จะน่าตื่นเต้นขนาดไหน
จดทะเบียนฟุตบอลแบบสหกรณ์
โดยอาจารย์หนุ่ย
ที่มา http://www.mahasarakhamcity.com/webboard/lofiversion/index.php/t51.html (12 พฤษภาคม 52)
สโมสรฟุตบอลอาชีพทั่วโลก เขาจะบริหารงานในรูปแบบของบริษัท จำกัด ครับ แต่ถ้าต้องการจะบริหารงาน
ในรูปแบบของสหกรณ์ (ซึ่งเป็นนิติบุคคล) ก็ได้เหมือนกัน และเข้ากับบรรยากาศฟุตบอลลีกของเมืองไทยในยุคเริ่มต้นด้วยครับ วิธีสร้างสโมสรฟุคบอลอาชีพในแนวทางแบบสหกรณ์ เป็นบทความที่ผมเขียนไว้นานแล้ว จะนำมาให้อ่านอีกรอบครับ
วิธีสร้างสโมสรฟุตบอลอาชีพแบบแนวทางสหกรณ์
เมื่อพูดถึงคำว่าสหกรณ์ทุกคนจะเข้าใจไปว่า จะต้องประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเกษตรเท่านั้นถึงจะก่อตั้งสหกรณ์ได้ เพราะเราเคยชินกับคำว่า
สหกรณ์การเกษตรจนชินหู แต่รูปแบบ วิธีทำและการดำเนินงานของสหกรณ์ เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการสร้างสโมสรฟุตบอลอาชีพได้
เนื่องจากผลการดำเนินการของสหกรณ์ (เทียบได้กับสโมสรฟุตบอล) ขึ้นอยู่กับการใช้บริการของสมาชิก (แฟนคลับของสโมสรฟุตบอล)
โอกาสจะขาดทุนหรือล้มละลาย จึงเกิดขึ้นได้ยากมาก และจะถูกนายทุนเงินหนามาเทคโอเวอร์เหมือนบริษัทก็เป็นไปไม่ได้ เพราะถูกจำกัดสิทธิ์ในการถือหุ้นตามกฎหมาย ระบบสหกรณ์ผู้ถือหุ้นจะไม่ร่ำรวยเหมือนการถือหุ้นของบริษัท แต่สหกรณ์เองสามารถดำเนินการให้เกิดเงินกำไรมาจ่ายปันผลให้สมาชิกทุกปีเหมือนกับบริษัท
ในปัจจุบันนี้ ประเทศไทยจะมีสหกรณ์อยู่ทั้งหมด 6 ประเภท คือ
1. สหกรณ์การเกษตร
2. สหกรณ์นิคม
3. สหกรณ์ประมง
4. สหกรณ์ร้านค้า
5. สหกรณ์ออมทรัพย์
6. สหกรณ์บริการ
ผมขออธิบายรูปแบบของสหกรณ์ให้ฟังคร่าวๆ ก่อนนะครับ ก่อนจะมาปรับเข้ากับวิธีการสร้างสโมสรฟุตบอลอาชีพ ในรูปแบบของสหกรณ์ต่อไป
การเริ่มก่อตั้งสหกรณ์ จะต้องมีบุคคลไม่น้อยกว่า 10 คนขึ้นไป รวมกลุ่มกันเปิดรับสมาชิกโดยการขายหุ้นสหกรณ์ให้กับสมาชิกทุกคน ตาม
หลักกฎหมายแล้ว สมาชิกแต่ละคนจะถือหุ้นสหกรณ์ได้ไม่เกิน 5% ของราคาหุ้นทั้งหมด (จึงไม่มีสิทธิ์เทคโอเวอร์) เมื่อเปิดรับสมาชิกและขายหุ้นได้จนครบตามวัตถุประสงค์แล้ว (เรายังสามารถขายหุ้นสหกรณ์ให้สมาชิกใหม่ได้เรื่อยๆ) ผู้ก่อตั้งจำนวน 10 คนก็จัดประชุมสมาชิกผู้ถือหุ้นทั้งหมดเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินงานของสหกรณ์ มีอายุดำเนินงานกี่ปีก็ว่าไป
กรรมการผู้ดำเนินงานของสหกรณ์ จะไปจ้างผู้บริหารมืออาชีพมาดำเนินงานแทนกลุ่มตนก็ได้ โดยที่ตนมีหน้าที่ตรวจสอบ สมาชิกของสหกรณ์ทุกคนมีหน้าที่มาใช้บริการของสหกรณ์ เพื่อให้สหกรณ์ของตนก่อให้เกิดมีรายได้ขึ้นมา เมื่อสหกรณ์ดำเนินงานมาจนครบปีหรือสิ้นสุดระยะบัญชี
บรรดาสมาชิกทุกคนก็จะได้รับเงินถัวเฉลี่ยคืนคนละ 10% ของยอดที่ตนเองไปใช้บริการทั้งปี เช่น ตนเองไปใช้บริการสหกรณ์ทั้งปี เป็นเงินทั้งสิ้น 100,000 บาท ก็จะได้เงินคืน 10,000 บาท เป็นต้น (ข้อนี้บริษัทห้างร้านไม่มี) และเมื่อสหกรณ์หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ถ้าสหกรณ์มีกำไรในปีนั้น ก็จะจ่ายเป็นเงินปันผลคืนให้สมาชิกตามจำนวนหุ้นที่ตนเองซื้อเอาไว้
คราวนี้เรามาดูแนวทางในการทำสโมสรฟุตบอลอาชีพแบบการจัดตั้งสหกรณ์ดูบ้าง
เริ่มจากผู้ริเริ่มจำนวน 10 คน จะเป็นคณะผู้ทำทีมฟุตบอลในตอนนี้หรือจะเป็นแฟนคลับก็ได้ ร่วมกันร่างระเบียบข้อบังคับและกำหนดราคาหุ้นผมคิดว่าราคาหุ้นน่าจะอยู่ระหว่าง หุ้นละ 100 – 1,000 บาท ถ้าได้ราคา ประมาณ 500 บาท น่าจะดี เพราะนักเรียนนักศึกษา
พอจะมีสิทธิ์ซื้อกันได้ การขายหุ้นใช้วิธีแบบแชร์ลูกโซ่ ให้สมาชิกคนหนึ่งหาสมาชิกใหม่มาซื้อหุ้นเพิ่ม 5 – 10 คน หรือประกาศข่าว เชิญชวนในขณะที่มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลในสนามก็ได้ โดยการแจกโปว์ชัว หรือนัดประชุมผู้สนใจเป็นกลุ่มๆ เมื่อได้สมาชิกหรือแฟนคลับตามจำนวนที่ต้องการแล้ว
หากได้ประมาณ 1,000 คน ขึ้นไปสโมสรฟุตบอลไม่มีโอกาสล้มละลาย (ควรมีสิทธิ์ถือได้คนละหุ้นเพื่อตัดปัญหาเรื่องคะแนนเสียง) จำหน่ายหุ้นละ 500 บาท จะได้เงินเตรียมทีมขั้นต้น 500,000 บาท
สมาชิกของสโมสรที่ถือหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุมกันเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารงานสโมสรฟุตบอล จำนวน 9 –15 คนแล้วแต่ความเหมาะสม วิธีการเลือกตั้งคือ ให้สมาชิกผู้ถือหุ้นทุกคน เสนอตนเองหรือบุคคลอื่นเสนอชื่อขึ้นมาเป็นคณะกรรมการผู้บริหารสโมสร พร้อมกับแถลงนโยบายในการทำทีมของตน ให้สมาชิกทุกคนทราบ
ให้คนที่ได้รับเลือกคะแนนสูงสุดเรียงลำดับลงมาเรื่อยๆ จนครบจำนวนคณะกรรมการบริหารสโมสร เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้ง ให้ผู้ได้รับการเลือกตั้งทำการจัดสรรตำแหน่งกันเองโดยวิธีการโหวตเสียงส่วนมาก ตั้งแต่ตำแหน่งประธานฯ ไปจนครบทุกตำแหน่ง และให้อยู่ในตำแหน่งได้สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์เลือกกรรมการผู้บริหารสโมสรได้เพียง 1 คนเท่านั้นโดยการลงคะแนนแบบลับเพียงปีเดียว เท่านั้น โดยให้หมดวาระลงเมื่อหมดฤดูกาลแข่งขันในแต่ละปี แต่มีสิทธิ์ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาใหม่ได้อีกครั้ง
เพื่อไม่ให้มีการซื้อเสียงเกิดขึ้นให้สมาชิกที่มีสิทธิ์เลือกตั้งลงชื่อนามสกุล และหมายเลขสมาชิกไว้ในบัตรเลือกตั้งนั้นด้วย
คณะกรรมการบริหารสโมสร มีหน้าที่ทำสัญญาจ้างผู้ฝึกสอน และนักฟุตบอลทุกคน และจะทำการจ้างผู้บริหารมืออาชีพ เพื่อดำเนินการในการในเรื่องการหารายได้เข้าสโมสรก็ได้ สมาชิกสโมสรฟุตบอลผู้ถือหุ้นทุกคน(แฟนคลับ) มีหน้าที่ใช้บริการต่างๆ ของสโมสรเพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับสโมสร เช่น ซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขัน ซื้อสินค้าจากร้านที่สโมสรเปิดให้บริการ และร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ทางสโมสรจัดขึ้น
เมื่อสิ้นปีหรือจบฤดูกาลแข่งขัน สโมสรจะถัวเฉลี่ยคืนจำนวนเงินที่สมาชิกแต่ละคนมาใช้บริการทั้งปี จำนวน 10% ของยอดรายได้ที่ตนจ่ายไปให้สโมสรทั้งปี เช่นนาย ก. ซื้อตั๋วเข้าชมฟุตบอลและสินค้าต่างๆ ของสโมสรทั้งปี เป็นเงิน 100,000 บาท ก็จะได้ ถัวเฉลี่ยคืนเป็นเงิน 10,000 บาท และเมื่อทางสโมสรหักรายจ่ายต่างๆ หมดแล้ว หากมีกำไร ก็จ่ายคืนเป็นเงินปันผลให้กับสมาชิกตามราคาหุ้น
สหกรณ์ในประเทศไทยมีทั้งหมด 6 ประเภท ถ้าเราต้องการจะเป็นนิติบุคคลเราก็สามารถไปจะทะเบียนเป็นสหกรณ์รูปแบบต่างๆ ได้ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัด หากเราไม่ต้องการจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเราก็จะใช้คำว่าสหการแทนก็ได้ แต่ถ้าชื่อสหการมันไม่เหมาะกับชื่อสโมสรฟุตบอล เราก็สามารถดำเนินการแบบห้างหุ้นส่วนธรรมดาที่มีกฎข้อระเบียบแบบสหกรณ์ก็ได้
แต่ในความคิดของผมน่าจะเป็นในรูปแบบของ สหกรณ์การค้าแฟนคลับสโมสรฟุตบอลอาชีพ(ชื่อจังหวัด) โดยเราไปจ้างทีมสโมสรฟุตบอลอาชีพ(ชื่อจังหวัด) ไปแข่งขันในนามจังหวัด (ไม่รู้ว่าที่ผมพูดงงหรือป่าวนี้)
ขั้นตอนในการดำเนินงาน ผมคิดว่าที่ยากที่สุดคงเป็นขั้นตอน 10 คนแรก ที่จะดำเนินงาน และสโมสรแรกที่จะเริ่มทำ ถ้าหากปีแรกผ่านไปได้ดี ปีที่ 2 คงมีทีมสโมสรฟุตบอลที่เกาะกระแสทำตามอีกเพียบหลายทีม
...............
สานฝันบอลลำปาง
ศุกร์ 26
มิถุนา 52
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น